ประวัติของดิลโด้ ที่มีมานานแสนนาน
ประวัติของดิลโด้ ที่มีมานานแสนนาน เราจะมาเริ่มกันที่บ้านเรากันก่อนเลย ดิลโด้ ไวเบรเตอร์ ไข่สั่น เป็นอะไรที่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงไม่เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย เรามาเริ่มกันตั้งแต่ข้อกฏหมายที่ผิดเมื่อมีการใช้ ดิลโด้ ไวเบรเตอร์ ไข่สั่น ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวอะไรเลย เพราะเราก็ใช้ของเราอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ได้เอาไปไล่ตีใคร นอกจากนี้ทางด้านสังคมก็เป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับกันอีกว่าการที่เราใช้อุปกรณ์พวกนี้จะต้องอาย มันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย ทุก ๆ คนก็ต้องมีอารมณ์ทางเพศที่ต้องระบายกัน ซึ่งนับว่า ดิลโด้ ไวเบรเตอร์ ไข่สั่น พวกนี้จะช่วยลดการเกิดการข่มขืน การบังคับต่าง ๆ เรียกได้ว่าไม่มีเหตุผลกันเลยทีเดียว เรามาต่อกันที่ประวัติของ ดิลโด้ กันเลยที่กว่า หลังจากที่เกริ่นมานานพอแล้วประวัติของดิลโด้มีอายุย้อนไปถึงอารยธรรมโบราณที่ทำจากวัสดุต่างๆ เช่น หิน หนัง และทองสัมฤทธิ์ วัตถุลึงค์เหล่านี้ถูกใช้เพื่อความสุขทางเพศทั้งชายและหญิง ในช่วงหลังๆ มานี้ ดิลโด้ทำจากวัสดุหลากหลายประเภท เช่น ยาง พลาสติก ซิลิโคน และแก้ว เทคนิคการผลิตสมัยใหม่ทำให้สามารถผลิตและผลิตรูปทรง ขนาด และสีได้หลากหลาย
ดิลโด้ ในอดีตนั้นมีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประมาณ 28,000 ปีก่อนนั้นเอง คำว่า “dildo” น่าจะมาจากคำภาษาอิตาลี “diletto” ซึ่งแปลว่า “เพื่อความสุข” โดยที่พบจะคล้าย ๆ ดิลโด้ ในยุคนี้ ที่ทำมาจากทราย โดยมีขนาดความยาวประมาณ 19.2 เซนติเมตร โดยค้นพบในถ้ำที่ประเทศเยอรมัน และที่มากไปกว่านั้นยังพบเศษ กระดูก ก้อนหิน ที่นำมาทำเป็น ดิลโด้ อีกด้วย เรียกได้ว่า มีมาคู่กับมนุษย์เราพอ ๆ กับเสื้อผ้ากันเลยทีเดียวโดยสารหล่อลื่นที่นำมาใช้ในยุคโบราณนั้นได้พบเจอบันทึกไว้ว่าทำมาจากน้ำมันมะกอก เรียกได้ว่าสายคลีนกันเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละ ในโบราณเขาบอกไว้ว่าถ้าผู้หญิงที่เว้นห่างกับการมีเซ็กส์ก็จะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา
อารยธรรมโบราณ
อารยธรรมโบราณหลายแห่ง รวมถึงกรีก โรมัน อียิปต์ และจีน เป็นที่ทราบกันดีว่าใช้ดิลโด้เพื่อความสุขและเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติทางวัฒนธรรม ในสมัยกรีกโบราณ ดิลโด้ทำจากวัสดุอย่างหนัง ไม้ และโอลิสบอส (ขนมปังชนิดหนึ่ง) พวกเขาไม่เพียง แต่ใช้โดยผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังใช้กับผู้ชายในฐานะสัญลักษณ์ของความเป็นชายและอำนาจ
Kama Sutra ข้อความอินเดียโบราณเกี่ยวกับความรักและเซ็กส์ยังกล่าวถึงการใช้ดิลโด้เพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ ในประเทศจีนสมัยโบราณ ดิลโด้เป็นที่รู้จักในชื่อ “หยินชู” ซึ่งแปลว่า “อวัยวะเพศชายเงา” พวกมันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุต่างๆ เช่น ทองสัมฤทธิ์ เงิน หรือหยก และมักจะได้รับการออกแบบอย่างประณีตและหรูหรา
ยุคกลางและอื่น ๆ
ในช่วงยุคกลาง ดิลโด้เริ่มมีความโดดเด่นน้อยลงเนื่องจากหลักคำสอนทางศาสนาที่เคร่งครัดมากขึ้นซึ่งกีดกันการปฏิบัติทางเพศที่ไม่ก่อให้เกิดการสืบพันธุ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้การใช้งานหมดสิ้นไป ตัวอย่างเช่น ในอิตาลีในศตวรรษที่ 16 ความนิยมของ “ดิลเลตโต” ยังคงมีอยู่ ซึ่งนำไปสู่การสร้างดิลโด้ที่ทำจากแก้ว หิน หรือแม้แต่เซรามิก
ยุควิกตอเรียเห็นความนิยมของดิลโด้กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการใช้ดิลโด้จะถูกเก็บเป็นความลับก็ตาม การกำเนิดของยางวัลคาไนซ์ในศตวรรษที่ 19 ทำให้สามารถผลิตดิลโด้ที่เหมือนจริงมากขึ้นและราคาไม่แพง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 การประดิษฐ์เครื่องใช้ไฟฟ้านำไปสู่การพัฒนาเครื่องสั่นที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเครื่องแรก ซึ่งเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมเซ็กส์ทอยเพิ่มเติม
ดิลโด้สมัยใหม่
ปัจจุบัน ดิลโด้ มีวัสดุ รูปร่าง และขนาดที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและความต้องการที่หลากหลาย ซิลิโคนซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากเนื้อสัมผัสที่นุ่มเหมือนผิวหนังและคุณสมบัติที่ทำความสะอาดง่าย วัสดุอื่นๆ ที่ใช้ ได้แก่ แก้ว สแตนเลส และแม้แต่พลาสติกคุณภาพสูง เช่น ABS
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังนำไปสู่การสร้างดิลโด้ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ดิลโด้ที่สามารถควบคุมจากระยะไกลผ่านแอพสมาร์ทโฟน หรือที่สามารถ “อุ่นเครื่อง” เพื่อเลียนแบบความอบอุ่นของร่างกายมนุษย์ นอกจากนี้ ดิลโด้ที่เหมือนจริงยังได้รับการพัฒนาด้วยการผสมผสานรายละเอียดที่เหมือนจริงและพื้นผิวของผิวหนัง ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับความรู้ประวัติของ ดิลโด้ อุปกรณ์ช่วยตัวเองที่มีแต่ความสุข พวกเรา PLAYTOYROOM จะเป็นสื่อกลางในการมอบความสุขให้ทุก ๆ ท่านได้อย่างทั่วถึง เรียกได้ว่ามีครบ จบ ในเว็ปเดียว ไม่ว่าจะเป็น ดิลโด้ ไวเบรเตอร์ ไข่สั่น หรือถ้าสนใจอุปกรณ์ช่วยตัวเองของผู้ชาย เช่น จิ๋มกระป๋อง ก็สามารถกดดูเพื่อสั่งซื้อได้เลย ต้องขอขอบคุณบทความดี ๆ ที่เราได้นำมาใช้อ้างอิงดังนี้
https://ngthai.com/history/11340/a-brief-history-of-sextoys/
https://www.silpa-mag.com/history/article_6293
https://www.complex.com/life/2016/05/history-dildos-vibrators
https://www.youtube.com/watch?v=JuTSshgCvVI